8 ก.พ. 2554

ความเป็นมาเมืองกาญจนบุรี


เมืองกาญจนบุรี เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาทุกยุคสมัย สามารถแบ่งออกเป็นยุคสมัยตามหลักฐานที่พบ ได้ดังนี้
สมัยก่อนประวัติศาสตร์

เริ่มตั้งแต่สมัยเริ่มกำเนิดมีมนุษย์ขึ้นในโลก จากสภาพภูมิศาสตร์ที่มีภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ สิงสาราสัตว์มากมาย เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งอาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ พบหลักฐานทางด้านโบราณคดีมากมายได้แก่ เครื่อมือหินกะเทาะ เครื่องมือสมัยหินใหม่ เครื่องมือสมัยโลหะ โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผา เครื่องประดับ ภาพเขียนสีที่ผนังถ้ำ โลงศพ ฯลฯ ตามถ้ำเพิงผา และตามลำน้ำแควน้อยแควใหญ่ ตลอดไปจนลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
สมัยทวาราวดี

เมื่ออินเดียได้เดินทางเข้ามาค้าขาย และเผยแพร่พุทธศาสนายังแคว้นสุวรรณภูมิ ในราวพุทธศตวรรษที่ 11 - 16 พบหลักฐานศิลปะอินเดียสมัยคุปตะในสมัยทวาราวดี ตามลำน้ำแควน้อย แควใหญ่ และแม่กลอง ที่บ้านวังปะโท่ บ้านท่าหวี บ้านวังตะเคียน และพงตึก โบราณวัตถุสถานที่พล เช่น ซากเจดีย์ วิหาร พระพุทธรูป พระพิมพ์ เสมาธรรมจักร ระฆังหิน เครื่องประดับ ภาชนะดินเผา และพบตะเกียงโรมันสำริดที่มีอายุราว พศ.600 นับเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดของไทย
สมัยอิทธิพลขอม

จากหลักฐานทางเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงเมืองกาญจนบุรี คือ พงศาวดารเหนือ กล่าวว่า "กาญจนบุรีเป็นเมืองพญากง พระราชทานบิดาของพระยาพาน เป็นเมืองสำคัญของแคว้นอู่ทอง หรือสุวรรณภูมิ มีผู้สันนิษฐานว่าพญากงสร้างขึ้นราว พ.ศ.1350" ต่อมาขอมได้แผ่อิทธิพลนำเอาศาสนาพุทธมหายานเข้ามาประดิษฐานในเมืองกาญจนบุรี ปรากฏหลักฐานคือปราสาทเมืองสิงห์ เมืองครุฑ เมืองกลอนโด จนอำนาจอิทธิพลขอมเสื่อมลงไป
สมัยอยุธยาเป็นราชธานี

ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองกาญจนบุรีปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ต้องกลายมาเป็นเมืองหน้าด่าน เพราะตั้งอยู่ติดกับประเทศคู่สงครามคือพม่า กาญจนบุรีจึงเป็นเส้นทางเดินทัพและสมรภูมิ ด้วยเหตุว่ามีช่องทางเดินติดต่อกับพม่า คือ ด่านพระเจดีย์สามองค์ และด่านบ้องตี้ จึงนับว่ามีความสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งในทางยุทธศาสตร์ ยังปรากฏชื่อสถานที่ในพงศาวดารหลายแห่งเช่น ด่านพระเจดีย์สามองค์ สามสบ ท่าดินแดง พุตะไคร้ เมืองด่านต่าง ๆ เมืองกาญจนบุรีตั้งอยู่ในช่องเขาริมลำน้ำแควใหญ่มีลำตะเพินอยู่ทางด้านทิศเหนือ ด้านหลังติดเขาชนไก่ ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันไปประมาณ 14 กิโลเมตร ชาวบ้านเรียกกันว่าเมืองกาญจนบุรีเก่ามีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 170x355 เมตร มีป้อมมุมเมืองก่อด้วยดินและหินทับถมกัน ลักษณะของการตั้งเมืองเหมาะแก่ยุทธศาสตร์ในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ด้วยเป็นซอกเขาที่สกัดกั้นพม่าที่ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ มุ่งจะไปตีเมืองสุพรรณบุรีและอยุธยาจำเป็นต้องตีเมืองกาญจนบุรีให้ได้เสียก่อน หากหลีกเลี่ยงไปอาจจะถูกกองทัพที่เมืองกาญจนบุรีตีกระหนาบหลัง ปัจจุบันยังมีซากกำแพงเมือง ป้องปราการ พระปรางค์ เจดีย์ และวัดร้างถึง 7 วัดด้วยกัน สมัยอยุธยานี้ไทยต้องทำสงครามกับพม่าถึง 24 ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิหลายครั้ง และเป็นทางผ่านไปตีอยุธยาจนต้องเสียกรุงครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 และต้องย้ายราชธานีใหม่
สมัยธนบุรีเป็นราชธานี

กรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่จากการกู้เอกราชโดยพระเจ้ากรุงธนบุรี ในสมัยนี้เกิดสงครามกับพม่าถึง 10 ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิอีกหลายครั้ง เช่น สงครามที่บางกุ้ง และที่บางแก้ว ซึ่งมีสมรภูมิรบกันที่บริเวณบ้านหนองขาว
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี

เมื่อไทยย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพียง 3 ปี ก็เกิดสงครามใหญ่คือ สงคราม 9 ทัพ แต่ไทยสามารถยันกองทัพพม่าแตกพ่ายไปได้ ณ สมรภูมิรบเหนือทุ่งลาดหญ้าในปีต่อมาก็ต้องทำสงครามที่สามสบและท่าดินแดงอีก และไทยตีเมืองทวาย จากนั้นจะเป็นการรบกันเล็กน้อยและมีแต่เพียงข่าวศึก เพราะพม่าต้องไปรบกับอังกฤษในที่สุดก็ตกเป็นเมืองขึ้น และเลิกรบกับไทยตลอดไป ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยุทธศาสตร์การรบเปลี่ยนไป โดยเหตุที่พม่าต้องนำทัพลงมาทางใต้เพื่อเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ จำเป็นต้องมีทัพเรือล่องลงมาจากสังขละบุรี มาตามลำน้ำแควน้อยผ่านอำภอไทรโยคมายังปากแพรก ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้งสอง ด้วยเหตุนี้หลังจากสิ้นสงคราม 9 ทัพแล้ว จึงได้เลื่อนที่ตั้งฐานทัพจากเมืองกาญจนบุรีที่ลาดหญ้า มาตั้งที่ตำบลปากแพรก ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง 2 สาย กลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงอธิบายว่า "ที่จริงภูมิฐานเมืองปากแพรกดีกว่าเขาชนไก่ เพราะตั้งอยู่ในที่รวมของแม่น้ำทั้ง 2 สาย พื้นแผ่นดินที่ตั้งเมืองก็สูงแลเห็นแม่น้ำน้อยได้ไกล ป้อมกลางย่านตั้งอยู่กลางลำน้ำทีเดียว แต่เมืองกาญจนบุรีที่ย้ายมาตั้งใหม่นี้เดิมปักเสาระเนียดแล้วถมดินเป็นเชิงเทินเท่านั้น" ในสมัยรัชกาลที่ 2 กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้เสด็จออกมาขัดตาทัพ กำแพงเมืองก็คงเป็นระเนียดไม้อยู่ ต่อมาจนถึง พ.ศ.2374 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดให้ก่อสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการขึ้นเป็นถาวร ทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรี ดังพระราชนิพนธ์เสด็จพระพาสไทรโยค กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "แต่มีเมืองปากแพรกเป็นที่ค้าขาย ด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึงสองแก่ง ลูกค้าไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่าย เมืองที่สร้างขึ้นใหม่ กว้าง 5 เส้น ยาว 18 วา มีป้อม 4 มุมเมือง ป้อมย่านกลางด้านยาวตรงหน้าเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้มีป้อมใหญ่อยู่ตรวเนิน ด้านหลังมีป้อมเล็กตรงกับป้อมใหญ่ 1 ป้อม" การสร้างเมืองกาญจนบุรีใหม่นี้ ดังปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ ให้พระยาราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจเป็ฯนพระยาประสิทธิสงครามรามภักดีศรีพิเศษประเทศนิคมภิรมย์ราไชยสวรรค์พระยากาญจนบุรี ครั้งกลับเข้าไปเฝ้าโปรดเกล้าฯว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองอังกฤษ พม่า รามัญ ไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้นไว้จะได้เป็ฯชานพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่ง ในปัจจุบันกำแพงถูกทำลายลงโดยธรรมชาติและหน่วยราชการเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เหลือเพียงประตูเมืองและกำแพงเมืองบางส่วน
การปกครองของเมืองกาญจนบุรี

ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นประกอบด้วยเมืองด่าน 8 เมือง อยู่ในแควน้อย 6 เมือง แควใหญ่ 2 เมือง ตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์ เพราะได้ตั้งให้พวกมอญอาสา มอญเชลย และกะเหรี่ยง เป็นเจ้าเมืองปกครองกันเอง เพื่อให้มีเกียรติศัพท์ดังออกไปเมืองพม่าว่ามีหัวเมืองแน่นหนาหลายชั้น และมีหน้าที่คอยตระเวณด่านฟังข่าวคราวข้าศึกติดต่อกันโดยตลอด เมื่อสงครามว่างเว้นลงแล้ว เจ้าเมืองกรมการเหล่านี้ก็มีหน้าที่ส่งส่วย ทองคำ ดีบุก และสิ่งอื่นๆ แก่รัฐบาลโดยเหตุที่ในสมัยนั้นมิได้จัดเก็บภาษีอากรจากพวกเหล่านี้แต่อย่างใด เมืองด่าน 7 เมือง(รามัญ 7 เมือง) ประกอบด้วยเมืองในสุ่มแม่น้ำแควน้อย 6 เมือง และแควใหญ่ 1 เมือง คือ

ตัวอย่างโปรแกรมท่องเที่ยว

นั่งรถไฟเที่ยว ( 3 วัน 2 คืน )
วันแรก
- เช้า เดินทางโดยรถไฟ สายบางกอกน้อย - กาญจนบุรี - น้ำตก ที่สถานีรถไฟ บางกอกน้อย ผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ ลงที่สถานีน้ำตก
- จากนั้นต่อรถรับจ้างไปท่าเรือปากแซง นั่งเรือชมทิวทัศน์ ลำน้ำแควน้อย เที่ยวถ้ำละว้า
- พักที่เรือนแพ ริมแม่น้ำแควน้อย

วันที่ 2
- เช้า เที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย ถ้ามีเวลาไปถ้ำสวรรค์วังบาดาล
- บ่าย ขึ้นรถไฟ จากสถานีน้ำตก ไปตัวเมืองกาญจนบุรี ถึงสถานีกาญจนบุรี ชมสุสานดอนรัก เดินเที่ยวย่านตัวเมืองเก่า ชมวัดเหนือ วัดใต้ พิพิธภัณฑ์สงครามโลก ครั้งที่ 2 วัดญวน พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย - พม่า
- เดินทางไป สังขละบุรี (รถประจำทางสาย กาญจนบุรี - สังขละบุรี )
- ถึงสังขละบุรีช่วงเย็น เดินเที่ยวชมสะพานไม้ อุตตมานุสรณ์ วัดวังก์วิเวการาม
- พักที่รีสอร์ต หรือ แพริมน้ำ

วันที่ 3
- เช้า ชมทิวทัศน์ยามเช้าบริเวณที่พัก เหมารถไปเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์
- ช่วงบ่าย กลับไป อ.เมือง เดินเที่ยวชมในตัวเมือง
- กลับกรุงเทพฯ โดยรถประจำทางปรับอากาศ
เที่ยวดอย - ท่องสังขละบุรี ( 3 วัน 2 คืน)
วันแรก
- ออกจากกรุงเทพฯ แต่เช้า มุ่งหน้าสู่ อ.ทองผาภูมิ ออกเดินทางต่อไปตามเส้นทางสู่บ้านอีต่อง แวะชมเขื่อนวชิราลงกรณ์
- ช่วงบ่าย เดินทางสู่ อช.ทองผาภูมิ ถ้าไปถึงไม่เย็นมาก สามารถเดินทางไปบ้านอีต่อง ชมทิวทัศน์ ที่เนินเสาธง และแวะแปลงปลูกดอกไม้เมืองหนาว ที่ ปิล็อกฮิลล์
- พักแรมที่ อช.ทองผาภูมิ กางเต็นท์ หรือ พักบ้านทาร์ซาน ก็ได้

วันที่ 2
- เช้า ชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม ของขุนเขา สลับซับซ้อน และสายหมอก จากเนินกูดดอย
- เดินทางไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ต้องเดินประมาณ 2 กม. ชมธรรมชาติ เล่นน้ำตก
- เดินทางกลับ มุ่งหน้าสู่ อ.สังขละบุรี แวะชมน้ำตกเกริงกระเวีย พักแรมที่รีสอร์ตริมน้ำ ที่ อ.สังขละบุรี

วันที่ 3
- เช้า ชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม ของทะเลสาบเหนือเขื่อน
- เดินเที่ยวสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ ในสายหมอก ชมวัดวังก์วิเวการาม ซื้อของฝากจาก พม่า
- เดินทางไปด่านเจดีย์สามองค์ สามารถขับรถเข้าไปท่องเที่ยว ฝั่งพม่าได้ หรือเลือกเดินเที่ยวซื้อหาสินค้า ที่ด่านฝั่งไทยก็ได้
- บ่าย เดินทางกลับกรุงเทพฯ

6 ก.พ. 2554

เทศกาล งานประเพณี




















งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว
จังหวัดกาญจนบุรีจะจัดงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นทุกปี   ในราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม   เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของการสร้างทางรถไฟสายมรณะ   และสะพานข้ามแม่น้ำแคว    ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา  มีการแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์    และโบราณคดี   การแสดงพื้นบ้าน   การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง  และการแสดงแสงและเสียง  บริเวณสะพานข้าม แม่น้ำแคว
River  Kwai   Bridge   Week
Each  year,   late   November   and/or  early  December.  The   world   famous  bridge   becomes  the  focal   point   of   celebrations.  Highlights   include   exibittions  and   historical   and  arhaeo-logical  displays : a  carnival  featuring   sideshows,  roundabout,  folk  entertainment,  and   cultural   performances :  rides  on  trains  houled   by  World  War   ll  vintage   steam  locomotives :  and   a  nightly  light   and  sound   presentation   re-enacting  the   bridgeus   Second   World   War   history,  including   on  Allied  bombing   raid.





























งานวันชาวเรือชาวแพ จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ที่บริเวณถนนสองแคว ริมน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี ภายในงานมีกิจกรรมการละเล่นพื้นบ้าน นิทรรศการทางวิชาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์แม่น้ำ ลำคลอง และการแข่งขันกีฬาทางน้ำ


ประเพณีรำเหย่ย เป็นการละเล่นพื้นบ้านของชาวกาญจนบุรี จัดในช่วงเทศกาลตรุษจีน สงกรานต์ และปีใหม่ ปัจจุบันนิยมเล่นเฉพาะในเขตอำเภอพนมทวน

5 ก.พ. 2554

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของแต่ละอำเภอ

อ. เมือง และใกล้เคียง



สะพานข้ามแม่น้ำแคว  เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยแรงงานของประชาชนชาวไทยที่ถูกเกณฑ์มาใช้แรงงาน และบางส่วนจากเชลยศึกของสัมพันธมิตร





สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต ( ทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ ) ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ผ่านตัวเมืองจะไปไทรโยค ทองผาภูมิ สุสานอยู่บริเวณอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒ กิโลเมตร สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสุสานมีเนื้อที่กว้างขวางสวยงามและเงียบสงบ ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์การสู้รบและผลลัพธ์ที่ตามมา สุสานแห่งนี้บรรจุศพทหารเชลยศึกถึง ๖,๙๘๒ หลุม  คณะกรรมาธิการสุสานสงครามแห่งเครือจักรภพ รับผิดชอบในการดูแลบำรุงรักษาสุสาน




อ. ไทรโยค




อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า ปราสาทเมืองสิงห์ เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะการก่อสร้างอยู่ในยุคลพบุรีตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ สร้างขึ้นด้วยศิลาแลง  ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีเนื้อที่ประมาณ ๘๐๐ ไร่  โดยได้รับอิทธิพลทางศาสนา และวัฒนธรรมจากขอม ตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง คูน้ำและแนวคันดิน รูปแบบสถาปัตยกรรมและประติมากรรมสร้างตามลักษณะขอบแบบบายน ตรงกับสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ของประเทศกัมพูชาที่มีลักษณะช่างท้องถิ่นผสมอยู่ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น. 
ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย ๑๐ บาท ชาวต่างประเทศ ๔๐ บาท







น้ำตกไทยโยคน้อย
น้ำตกไทยโยคน้อย  เดิมเรียกว่า น้ำตกเขาพัง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ ( ถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ ) กิโลเมตรที่ ๔๖ เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี บริเวณน้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมจะมีน้ำมาก ในอดีตเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ ๔ ) เสด็จประพาสบริเวณน้ำตกไทยโยค บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อยยังมีหัวรถจักรไอน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาตั้งไว้เพื่อรำลึกถึงการสร้างทางรถไฟสายมรณะที่สร้างผ่านบริเวณหน้าน้ำตกเข้าสู่ประเทศพม่า 
การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดขบวนรถไฟสายน้ำตก พานักท่องเที่ยวไปชมน้ำตกแห่งนี้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ สอบถามได้ที่โทร ๐๑-๒๒๓๗๐๑๐

อ. ทองผาภูมิ




เขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลม
เขื่อนวชิราลงกรณ เดิมชื่อ เขื่อนเขาแหลม ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ๑๕๓ กิโลเมตร สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ เหนืออำเภอทองผาภูมิไปประมาณ ๖ กิโลเมตร เขื่อนวชิราลงกรเป็นเขื่อนหินถมดาดหน้าด้วยคอนกรีต บริเวณสันเขื่อนมีความสวยงามตามธรรมชาติ บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือล่องในทะเลสาบเหนือเขื่อนได้ มีแพพักแพล่องมากมายอยู่บริเวณเลยทางเข้าเขื่อนไป ๓ กิโลเมตร สำหรับการล่องเรือชมทิวทัศน์สภาพธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำ 


อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
เป็นชื่อของลำห้วยซึ่งไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่ากัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูนกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนานจึงเกิดหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูมีถ้ำหลายแห่งและสวยงามน่าไปเที่ยวชม



ถ้ำเสาหิน เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากหินงอกหินย้อยที่สูงที่สุดในโลก







ถ้ำเวิร์ลคัพ  เป็นหนึ่งในหลายถ้ำของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ในถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนถ้วยฟุตบอลโลก รูปทรงแปลกตาและสวยงาม 





ถ้ำนกนางแอ่น
ถ้ำนกนางแอ่น มีลักษณะเป็นถ้ำหลายถ้ำที่อยู่ต่อเนื่องกันโดยมีช่องเปิดที่เป็นหุบเขาเป็นตัวแบ่งโถงน้ำ ภายในมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม เป็นไฮไลท์ของเที่ยวถ้ำของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู




น้ำตกทุ่งนางครวญ
น้ำตกทุ่งนางครวญ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านทุ่งนางครวญ ตำบลชะแล ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่มีทั้งหมด ๗ ชั้น ร่มรื่นและสวยงาม สภาพน้ำตกยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมทั่วบริเวณตัวน้ำตกซึ่งเป็นหินปุน แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นหน้าผาขนาดสูงใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี
การเดินทาง ใช้ข้อมูลเดียวกับการเดินทางมาอุทยานแห่งชาติลำคลองงู แต่ทางเข้าน้ำตกอยู่ก่อนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ถึงหมู่บ้านทุ่งนางครวญ จะมีทางแยกขวาเข้าน้ำตกประมาณ ๓ กิโลเมตร ทางเข้าเป็นถนนลูกรัง จนถึงหน่วยฯ น้ำตกนางครวญ เดินเท้าเข้าตัวน้ำตกประมาณ ๑ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ ๓๐ นาที ถึงน้ำตกชั้นที่๑ เดินตามน้ำตกไปเรื่อยๆ จะถึงน้ำตกชั้นล่างซึ่งเป็นชั้นที่สูงมาก การเดินทางเข้าเที่ยวชมน้ำตกในช่วงฤดูฝนควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัย เพราะช่วงดังกล่าวจะมีน้ำเยอะ ทางเดินบางช่วงไม่สามารถผ่านได้หากไม่มีความชำนาญในเส้นทางและอันตราายมาก



ถ้ำน้ำตก 
เป็นถ้ำที่ภายในมีหินงอกหินย้อยที่กำลังเจริญ เป็นถ้ำที่เข้ายากและอันตราย ธรรมชาติเปราะบาง  ว่างๆ จะมาเขียนต่อ















4 ก.พ. 2554

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของแต่ละอำเภอ 2

อ. ทองผาภูมิ

เขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลม
เขื่อนวชิราลงกรณ เดิมชื่อ เขื่อนเขาแหลม ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ๑๕๓ กิโลเมตร สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ เหนืออำเภอทองผาภูมิไปประมาณ ๖ กิโลเมตร เขื่อนวชิราลงกรเป็นเขื่อนหินถมดาดหน้าด้วยคอนกรีต บริเวณสันเขื่อนมีความสวยงามตามธรรมชาติ บริเวณเหนือเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือล่องในทะเลสาบเหนือเขื่อนได้ มีแพพักแพล่องมากมายอยู่บริเวณเลยทางเข้าเขื่อนไป ๓ กิโลเมตร สำหรับการล่องเรือชมทิวทัศน์สภาพธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำ 

อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
เป็นชื่อของลำห้วยซึ่งไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่ากัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูนกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนานจึงเกิดหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูมีถ้ำหลายแห่งและสวยงามน่าไปเที่ยวชม 

 ถ้ำเสาหิน เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากหินงอกหินย้อยที่สูงที่สุดในโลก

ถ้ำเวิร์ลคัพ  เป็นหนึ่งในหลายถ้ำของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ในถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนถ้วยฟุตบอลโลก รูปทรงแปลกตาและสวยงาม


อ. สังขละบุรี


สะพานมอญ
สะพานมอญ อยู่ในตัวอำเภอสังขละบุรี เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง ๘๕๐ เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลีย

วัดวังก์วิเวการาม
วัดวังก์วิเวการาม อยู่เลยจากตัวเมืองสังขละบุรีไปประมาณ ๖ กิโลเมตร เป็นวัดจำพรรษาของ หลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั้งชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกะเหรี่ยง และพม่าที่อาศัยอยุ่ในบริเวณนั้น ภายในวิหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอันงดงาม ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อขาว จากวัดวังก์วิเวการามแยกไปอีก ๑ กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของเจดีย์แบบพุทธคยา มีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วห้วแม่มือขวาขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีมีการจัดงานคล้ายวันเกิดหลวงพ่ออุตตมะ ในงานมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วยพิธีกรรมทางศาสนา การแข่งขันชกมวยคาดเชือก การแสดงของชมรมวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง และในงานประชาชนจะพร้อมใจกันแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมของชาวไทยรามัญและจัดเตรียมสำรับอาหารทูนบนศีรษะไปถวายพระสงฆ์ที่วัด

ด่านเจดีย์สามองค์
 ด่านเจดีย์สามองค์ ตั้งอยุ่สุดเขตแดนไทยทางทิศตะวันตกที่อำเภอสังขละบุรี พระเจดีย์สามองค์นี้เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนเดินทางออกจากเขตแดนไทยไปพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีได้เป็นผู้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต  บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ มีร้านขายสินค้าจากประเทศพม่า จำพวกพลอย หยก อัญมณี และสินค้าจำพวกไม้แกะสลัก และเฟอร์นิเจอไม้  นักท่องเที่ยวสามารถข้ามชายแดนเข้าไปเที่ยวชมตลาดพญาตองซู ในเขตประเทศพม่าได้ โดยเสียค่าผ่านด่าน  ชาวไทย ๒๕ บาท ชาวต่างประเทศ ๑๐ เหรียญสหรัฐ สามารถนำรถเข้าไปได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมคันละ ๕๐ บาท ด่านเปิดให้ผ่านได้ในระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น.

3 ก.พ. 2554

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของแต่ละอำเภอ 3

อ. พนมทวน

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือเจดีย์ยุทธหัตถี แห่งนี้มิใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยว หากแต่ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของชาติไทย   สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำสงครามยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชาของพม่า ทำให้อยุธยาเป็นอิสระจากพม่า  จากประวัติศาสตร์ และหลักฐานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เชื่อได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ทำสงครามยุทธหัตถี พื้นที่ไร่นาของชาวบ้านย่านนี้เต็มไปด้วยวัตถุโบราณที่ใช้ในการทำสงคราม ทั้งเครื่องศาสตราวุธ เครื่องประดับช้างม้า ลูกประคำม้า เครื่องประดับช้าง ตราม้าศึกษา ลูกปืนทั้งที่ยิงแล้วและที่ยังไม่ได้ยิง อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีเจดีย์เก่าแก่จากรูปแบบศิลปะทราบว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีลักษณะคล้ายสถูป เชื่อว่าเป็นสถูปที่สร้างเพื่อบรรจุพระศพของพระมหาอุปราชา และมีการขุดพบโครงกระดูก ๑ โครงภายในเจดีย์เก่าแก่องค์นี้ ห่างออกไปเพียง ๕๐๐ เมตร มีเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์อยู่กลางทุ่ง ตามปกติการสร้างเจดีย์จะต้องสร้างขึ้นที่วัด แต่เจดีย์สามองค์นี้สร้างไว้กลางทุ่งใกล้กับเจดีย์เก่าแก่องค์แรก  เชื่อได้ว่าเจดีย์สามองค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสักการะแต่ดวงวิญญาณของเหล่าทหารแม่ทัพนายกองล้มตายจากการศึกในครั้งนี้ ทั้งพม่ารามัญและไทย และยังมีหลักฐานอีกมากมาย รายละเอียดอีกมากมายจะนำเสนอให้ได้ชมกันไม่นานนี้  
่ภายในบริเวณมีอาคารแสดงนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาต่างๆ และจัดแสดงโบราณวัตถุที่ชาวบ้านพบจากพื้นที่บริเวณนี้เก็บแสดงไว้ในตู้โชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา  อาคารถัดมาคือห้องพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีวีดีทัศน์เพื่อให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว เฉพาะห้องนี้เสียค่าบำรุงคนละ 20 บาท
การเดินทาง  จากกาญจนบุรีใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๓๒๔ จากกาญจนบุรีไปประมาณ 14 กิโลเมตร มีทางแยกขวาเข้าสู่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ระยะทาง ๔ กิโลเมตร มีป้ายบอกชัดเจน ถนนดีสะดวกสบาย

พระโพธิ์สัตว์กวนอิม วัดทุ่งสมอ   
พระโพธิสัตว์กวนอิมประดิษฐานอยู่ภายในวัดทุ่งสมอ ตำบลทุ่งสมอ เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่ที่มีลักษณะงดงาม ตั้งอยู่กลางแจ้งบริเวณทิศตะวันออกของพระอุโบสถ  ถัดไปทางด้านขวาเป็นที่ประดิษฐานพระสังกัจจายน์   นอกจากนี้วัดทุ่งสมอยังมีพระอุโบสถที่สวยงามภายในมีพระประธานองค์ใหญ่ให้ได้กราบไหว้
การเดินทาง  จากตัวเมืองกาญจนบุรีใช้เส้นทางหลวงหมายเลข ๓๒๔ จากกาญจนบุรีไปประมาณ 15 กิโลเมตร อยู่เลยจากทางเข้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปเล็กน้อย วัดอยู่ติดกับถนนใหญ่ เดินทางสะดวกสบาย


อ. บ่อพลอย

อำเภอบ่อพอย อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ ๔๗ กิโลเมตร  ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขาสลับกับเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณตอนใต้ของอำเภอมีลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 10 - 100 เมตร บริเวณตอนบนของอำเภอทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จะเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ และภูเขา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 100 - 300 เมตร และ 300 - 600 เมตร ตามลำดับ แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ คือ ห้วยลำตะเพิน ห้วยกระพร้อย ห้วยลำอีซู และห้วยแม่ระวาง  ในตัวอำเภอบ่อพลอยมีร้านขายพลอยอยู่หลายร้าน พลอยที่ได้จากการทำเหมืองอุตสาหกรรม ได้แก่ พลอยไพลิน นิล และบุษราคัม 

 

สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์ค   เป็นสวนสัตว์ที่ดำเนินงานโดยเอกชน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๘๖ ( กาญจนบุรี-บ่อพลอย)  จนถึงกิโลเมตรที่ ๒๑ จะเห็นป้ายสวนสัตว์เปิดทางซ้ายมือ นับเป็นสวนสัตว์เปิดแห่งแรกของกาญจนบุรี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสัตว์นานาชนิด เช่น กวาง หมี เสือ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ อูฐ และสัตว์อื่นๆ อีกมากมายอย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปเที่ยวชมได้ด้วยตนเอง หรือสำหรับผู้ที่ไม่ได้นำรถส่วนตัวมา ทางสวนสัตว์ได้จัดรถไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวสามารถชมสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด พักผ่อนชมสวนผีเสื้อ สวนดอกไม้ เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๘.๐๐ น.  ( ปิดจำหน่ายบัตรเวลา ๑๗.๓๐ น. )  
ค่าเข้าชม  ผู้ใหญ่ ๑๒๐ บาท เด็ก ๗๐ บาท  สอบถามรารละเอียดได้ที่ โทร 034-628271, 034-4500088-9


เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ  ไปตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์  ประมาณ ๒๗ กิโลเมตร  ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอศรีสวัสดิ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และประกอบด้วยที่ราบระหว่างหุบเขา  เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำแควใหญ่ ยอดเขาสูงที่สุด คือ เขาหัวโล้น สูงประมาณ ๑,๑๗๐ เมตร จากระดับทะเลปานกลาง อยู่บริเวณตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทยเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการศึกษาธรรมชาติ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ๓ เส้นทางคือ ๑. เส้นห้วยลำอีซู  ๒. เส้นห้วยสะด่อง   ๓. เส้นทุ่งสลักพระ  และยังมีเส้นทางที่สามารถเดินไปชมทิวทัศน์ริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ห้วยแม่ละมุ่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 01-8802183



หอดูดาวเกิดแก้ว  ตั้งอยู่ที่ตำบลหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๕๕ กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๐๘๖ ( กาญจนบุรี-บ่อพลอย-หนองปรือ)  ประมาณกิโลเมตรที่ ๔๙  ทางซ้ายมือ  เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ ๓ กิโลเมตร  ภายในสถานที่มีหอดูดาวรูปโดมไว้ห้ความรู้เกี่ยวกับดวงดาว ยังมีที่พักไว้บริการ  เหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติและสนใจในด้านดาราศาสตร์  สนใจกิจกรรมควรติดต่อ  โทร. 01-9274140



อ. หนองปรือ

โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตั้งอยู่ที่ตำบลสมเด็จเจริญ ไปตามทางหลวงกาญจนบุรี-หนองปรือ-ด่านช้าง ทางหลวงหมายเลข ๓๐๘๖ ประมาณ ๗๑ กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๔๘๐ อีก ๒๐ กิโลเมตร โครงการนี้มีพื้นที่กว่าสองหมื่นไร่ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นโครงการอนุรักษ์และพัฒนาลุ่มน้ำองคต มีผลการดำเนินงานในหลายๆ ด้าน เช่น การปลูกสวนป่า การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลา การปลูกผักปลอดสารพิษ นอกจากนี้มีการขุดพบซากโบราณสถาน เครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณนี้ ปัจจุบันนำไปไว้ที่โรงเรียนประชามงคล ติดต่อล่วงหน้าเพื่อเข้าชมโครงการเป็นหมู่คณะได้ที่สำนักงานกองอำนวยการโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โทร 01-7364685


น้ำพุร้อนบ้านโป่งช้าง   ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งช้าง หมู่ที่ 5 ตำบลหนองปรือ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหนองปรือ ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายหนองปรือ - ถ้ำธารลอด เป็นทางลาดยาง  ลักษณะเป็นน้ำพุร้อนที่ผุดจากใต้พื้นดิน มีอุณหภูมิ 45 องค์ศาเซลเซียส ได้มีการจัดสร้างเป็นบ่อน้ำพุรวม 3 บ่อ และสร้างลานคอนกรีตเป็นวงรอบ ให้นักท่องเที่ยวสามารถลงอาบน้ำและนั่งเส่นน้ำได้โดยรอบ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบได้มีการจัดทำเป็นสวนหย่อมและศาลาที่พัก ให้สามารถพักผ่อนและชมบรรยากาศได้อย่างเพลิดเพลิน


ถ้ำโบราณบ้านห้วยใหญ่่ ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยใหญ่ หมู่ที่ 23 ตำบลหนองปรือ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหนองปรือประมาณ ประมาณ 11 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายหนองปรือ - ถ้ำธารลอด ถึงหมู่บ้านโป่งช้าง  และแยกไปตามเส้นทางลูกรัง  มีถ้ำอยู่ใกล้เคียงกัน 3 ถ้ำ  อยู่บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาหินตั้ง ภายในถ้ำประกอบด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงาม  ด้านหน้าถ้ำเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทัศนียภาพได้สวยงาม เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน   ชาวบ้านในพื้นที่เป็นผู้เรีกชื่อ  ถ้ำโบราณ  เนื่องจากในช่วงที่มีการค้นพบถ้ำครั้งแรก ๆ ชาวบ้านได้เคยพบเศษชิ้นส่วนของภาชนะและเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณในบริเวณถ้ำแห่งนี้


2 ม.ค. 2554

ของฝาก - OTOP

++ Souvenir ++ 
 อัญมณี
อัญมณีที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรีคือ  ไพลิน  และนิล   สามารถหาซื้อได้ที่   อ.บ่อพลอย   หากต้องการพลอยสีน้ำเงินแบบเม็ดจากเหมืองแร่โดยตรง   ต้องไปที่   บริษัท  เอสพีเหมืองแร่   จำกัด  ถ้าเป็นพลอยสีน้ำเงินที่ประกอบตัวเรือนแล้วหาซื้อได้ที่ศูนย์หัตถกรรมอัญมณี  ริมทางหลวงหมายเลข   3086   (ลาดหญ้า-หนองปรือ)    ศูนย์ฝึกวิชาชีพเจียระไนนิล   อนันตพลพลอยกาญจน์     และโรงงานวังแก้วจิวเวลรี่  ที่  ต.ท่ามะขาม  หรือบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำแคว
Precious   stones
Major   gems   market  is  located   in  Amphur   Bor  Ploy.  Coconut   jelly  Delicious.  Available  at  souvenir  shops.


วุ้นมะพร้าวอ่อน
วุ้นเมืองกาญจน์มีรสชาติหอมหวาน   มีลักษณะพิเศษตรงที่ใส่มะพร้าวอ่อนเป็นส่วนผสม   ทำให้รสไม่หวานจัดจนเกินไป   หาซื้อได้ตามร้านขายของฝากทั่วไป
Coconut  jelly
Delicious.  Available   at  souvenir  shops.


วุ้นเส้นท่าเรือ
เป็นวุ้นเส้นที่ผลิตจากถั่วเขียว  มีชื่อเสียงในเรื่องความสะอาด   เหนียวนุ่มและได้มาตรฐานการผลิต  แหล่งผลิตใหญ่อยู่ที่บ้านท่าเรือ  และ  อ.ท่าม่วง  (ถ.แสงชูโตตัดใหม่)   หาซื้อได้ตามร้านขายของฝากทั่วไป
Tha  Rua   Noodle
Made  of   green   bean  from   Ban  Tha  Rua   and  Amphur   Tha  Muang  (New  Saeng  Chuto  Rd).  Available   at  souvenir   shops.

น้ำพริก
มีให้เลือกมากมายหลายรส   เช่น  น้ำพริกแมงดา   น้ำพริกนรก   น้ำพริกตาแดง   หาซื้อได้ตามร้านของฝากทั่วไป
Nam  Prik
Available   in  various  tastes.

มะขามกวน
เป็นของกินอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกาญจน์ไปแล้ว   มีรสชาติเปรี้ยว   หวาน  เค็ม   เหมาะสำหรับเป็นของฝากที่กินได้นานทีเดียว   โดยเฉพาะมะขามแก้วมีขายทั่วไปทั้งใน  จ.กาญจนบุรี   และจังหวัดใหญ่ ๆ  ทั่วประเทศ
Tamarind  Widely
Sold   in  town.  Ban

ผ้าทอ   บ้านหนองขาว
ของฝากที่ขึ้นชื่อของบ้านหนองขาวคือ  ผ้าทอมือ  ผ้าขาวม้า   ซึ่งเป็นหัตถกรรมพื้นบ้าน   นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมการทอผ้าและซื้อสินค้าได้จากชาวบ้านโดยตรงหรือซื้อจากกลุ่มแม่บ้านหนองขาว   (ผ้าขาวม้าร้อยสี)   หน้าวัดอินทารามก็ได้
Nong  Khao  hand-woven   cloth
Very  popular.   Visitor  could   directly   pur-chase  from  villagers  or  from   housewife  group  in  front  of  Wat   Intaram.


++  สินค้าชุมชน   หนึ่งตำบล   หนึ่งผลิตภัณฑ์ ประเภทอาหาร ++   
FOODS OTOP   PRODUCTS

ผลิตภัณฑ์บรรจุขวด / ถ้วยแก้ว 
ตราชาวกาญจน์

ต.วังศาลา   อ.ท่าม่วง  จ.กาญจนบุรี                 
โทร.  0-3464-7730-1
e-mail : siamkan@ hotmail. Com



กล้วยทอดกรอบหลากรส
ต.ทุ่งสมอ  อ.พนมทวน  จ.กาญจนบุรี
โทร. 0-3465-9078


น้ำพริกแม่พะเยาว์
ต.รางหวาย  อ.พนมทวน  จ.กาญจนบุรี
 โทร.  0-3457-1031-2













ไข่เค็มใบเตยไอโอดีน
ต.ท่ามะกา  อ.ท่ามะกา  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-9837-8147



เห็ดโคนเมืองกาญจน์
  ต.บ้านเหนือ  อ.เมือง  จ.กาญจนบุรี
  โทร. 0-3451-2144 


    ข้าวหอมมะลิ
        ต.ทุ่งสมอ  อ.พนมทวน  จ.กาญจนบุรี
       โทร.  0-3465-9231  ,  0-3465-9212



หมูพะโล้แดดเดียว
ต.ท่าเสา   อ.ไทรโยค  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3456-5074



++ ประเภทศิลปกรรมและของที่ระลึก  ++

            
นกประดิษฐ์
ต.ไทรโยค  อ.ไทรโยค  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-345-16429




ดอกไม้ประดิษฐ์  (กล้วยไม้)
ต.ท่ามะกา  อ.ท่ามะกา  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-9547-7408


 
         
ไม้ถูพื้นไฮเทค
ต.ทุ่งทอง  อ.ท่าม่วง  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3453-1403 , 0-1995-5901



 เฟอร์นิเจอร์หวายผักตบชวา
ต.หนองตากยา  อ.ท่าม่วง  จ.กาญจนบุรี 
                                                โทร.   0-3464-4110  


                                                                                  
เบญจรงค์
ต.หวายเหนียว  อ.ท่ามะกา      
        โทร.  0-1290-8580                                                                                                         
                                                                             
       
                                               เบญจรงค์ท่าล้อ
                                                                            ต.ท่าล้อ  อ.ท่าม่วง  จ.กาญจนบุรี
                                                        โทร.   0-3451-8439
 
                                                                 
ธูปบูชาพระ
ต.หนองปลิง   อ.เลาขวัญ  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-1944-1910


                                                                    
ผลิตภัณฑ์และเครื่องประดับจากนิล
ต.บ้านเหนือ  อ.เมือง  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3451-2144 , 0-1857-7588

++ ประเภทเครื่องดื่ม ++ 
                                                     
สุราแช่ตราตั๊กแตน
          ต.หนองปรือ  อ.หนองปรือ  จ.กาญจนบุรี
             โทร.  0-3464-6092 ,  0-1342-8834

สาโทแสงทอง
ต.ท่าล้อ  อ.ท่าม่วง  จ.กาญจนบุรี
 โทร.  0-3461-3769 , 0-1832-2683

ชาเขียวใบหม่อน  ชนิดใบและผง
ต.เกาะสำโรง  อ.เมือง  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3451-7694 , 0-1944-5839


นมข้าวโพด
ต.หนองกุ่ม  อ.บ่อพลอย   จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-1944-7971

++ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ++ 


ผ้าทอมือ
ต.ดอนแสลป   และ  ต.สระลงเรือ
อ.ห้วยกระเจา  จ.กาญจนบุรี
โทร. 0-3457-1345 , 0-019-4599

                          
ผ้าไหมบาติก
ต.ช่องด่าน  อ.บ่อพลอย   จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3458-1306 , 0-1986-1972

++ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ++ 

                                         
เสื้อปกโปโล
ต.รางหวาย  อ.พนมทวน  จ.กาญจนบุรี
โทร.  0-3465-6314 , 0-1819-9380